ประเทศสิงคโปร์ประเทศที่ไม่เคยหยุดพัฒนา เป็นประเทศที่ไปเที่ยวกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เป็นประเทศที่มักสร้างสิ่งแปลกใหม่ที่ดึงดูใจนักท่องเที่ยวได้เสมอ และยังเป็นประเทศที่แนะนำ สำหรับคนที่กำลังวางแผนเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองครั้งแรกอีกด้วย และเรื่องที่หลายๆ คนมักพลาดเสมอในการเตรียมตัวไปเที่ยวสิงคโปร์ คือ เรื่องปลั๊กไฟสิงคโปร์ วันนี้ Vacation On จะมาไขข้อข้องใจให้กับทุกคนค่ะ
เรื่องที่ควรรู้ก่อนเที่ยวสิงคโปร์
การเตรียมตัวที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เหมือนที่เคยมีคนกล่าวไว้ว่า “รู้เขารู้เรา เที่ยวร้อยครั้ง รอดร้อยครั้ง” ดูจะไม่เกี่ยวกันเท่าไหร่ใช่ไหมคะ แต่จะบอกเลยว่าการเตรียมตัวที่ดีก่อนเดินทางไปเที่ยวในทุกๆ ทริปจะช่วยให้เราเที่ยวสบายขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นทริป ระยะไกลคนละซีกโลก หรือทริประยะใกล้อย่างประเทศสิงค์โปร์ เราไปดูกันค่ะว่าไปเที่ยวสิงคโปร์ครั้งนี้ มีเรื่องอะไรที่เราต้อง เตรียมตัวกันบ้าง
ปลั๊กไฟสิงคโปร์เป็นแบบไหน
ปลั๊กไฟเป็นเรื่องที่หลายๆ คนมองข้ามไป แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้งานมากเลยนะคะ ก็ปลั๊กไฟสิงคโปร์นั้นมีลักษณะไม่เหมือนของประเทศไทยเรา ปลั๊กไฟสิงคโปร์จะใช้เป็นแบบ 3 ขาเหลี่ยมหนา ซึ่งเป็นปลั๊กมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอังกฤษ ฟิลิปปินส์ และบรูไน ส่วนปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าของไทยเราส่วนใหญ่จะใช้เป็นแบบ 2 ขาแบน หรือไม่ก็เป็นแบบ 3 ขากลม ซึ่งจะไม่สามารถเสียบเข้าได้กับเต้ารับที่สิงคโปร์นะคะ ดังนั้นก่อนเดินทางไปสิงคโปร์ ทุกคนควรมีอุปกรณ์เสริมที่สำคัญ 1 ชิ้น คือ Universal Adapter เป็นตัวช่วยแปลงหัวปลั๊กไฟให้เราสามารถเสียบอุปกรณ์ที่เรานำไปด้วยได้
ประเทศสิงคโปร์ใช้กระแสไฟเท่าไหร่
ผ่านจากเรื่องปลั๊กไฟ ต่อไปก็เป็นเรื่องกระแสไฟฟ้าในประเทศสิงคโปร์ ถึงแม้ว่าปลั๊กไฟของเราจะใช้ไม่เหมือนกับประเทศเขา แต่กระแสไฟฟ้าของสิงคโปร์นั้น ใช้เหมือนกันกับประเทศไทยเรานะคะ คือเป็นแบบกระแสไฟฟ้าสลับ 220 – 240 V. 50 Hz ทำให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เพราะสามารถใช้ด้วยกันได้หมดค่ะ และในยุคปัจจุบันที่เราทุกคนมีอุปกรณ์ไฟฟ้าเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นที่ชาร์ตแบตโทรศัพท์ ที่ชาร์ตแบตกล้องถ่ายรูป ไดร์เป่าผม และอีกมายเราจึงควรพก ปลั๊กพ่วง ติดไปด้วยเพื่อประหยัดเวลาการใช้งานค่ะ
สกุลเงินของสิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงติดอันดับโลกทุกปี สกุลเงินที่ใช้ในสิงคโปร์ คือ ดอลล่าร์สิงคโปร์ (SGD) อัตราแลกเปลี่ยนปัจจบัน 1 ดอลล่าร์สิงคโปร์ เท่ากับ 23 – 25 บาท และถึงแม้จะเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูง แต่สิงคโปร์ก็จะมีศูนย์อาหารที่เรียกว่า Hawker ขนาดเล็กใหญ่ กระจายอยู่ทั่วไปคอยให้บริการในราคาย่อมเยาว์ ราคาอาหารตามร้านอาหารในศูนย์อาหาร จะตกอยู่ที่ 3 – 4 ดอลล่าร์สิงคโปร์ต่อ 1 จาน
ภาษาที่ใช้ในสิงคโปร์
ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายทางเชื้อชาติ ดังนั้นภาษาที่ใช้ภายในประเทศจึงมีความหลากหลายไปด้วย แต่ภาษาหลักที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารทั้งทางราชการ และทางธุรกิจการค้า คือ ภาษาอังกฤษ ซึ่งคนสิงคโปร์ก็จะมีเอกลักษณ์ของสำเนียงภาษาอังกฤษในแบบของตัวเองที่ขึ้นชื่อ คือ Singlish ซึ่งเราสามารถหาฟังได้ที่สิงคโปร์เท่านั้น นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ก็ยังมีภาษาจีนกลาง ภาษาทมิฬ อีกด้วย ซึ่งเราจะสามารถสังเกตุความหลากหลายทางภาษาได้ตามป้ายต่างๆ ตามรถไฟฟ้า ป้ายโฆษณา หรือป้ายจราจร
เวลาในประเทศสิงคโปร์
เวลาที่ประเทศสิงคโปร์ เร็วกว่าเวลาในประเทศไทย 1 ชั่วโมง เพราะสิงค์โปร์นั้นอยู่ในแนวไทม์โซนเดียวกับ Brunei Malaysia และ Philippines คือ UTC +08:00 เพื่อไม่ให้พลาดเวลานัดหมาย หรือรถไฟฟ้าเมื่อไปถึงสนามบินชางฮีแล้ว ก็อย่าลืมประบนาฬิกาให้เป็นเวลาท้องถิ่นด้วยนะคะ
การเดินทางภายในประเทศ
การเดินทางในประเทศสิงคโปร์มีความสะดวกสบายมาก มีรถไฟฟ้าครอบคลุมทุกพื้นที่ และนอกจากครอบคลุมแล้วยังตรงต่อเวลามาก และถ้าใครไม่อยากขึ้นไฟฟ้าสิงคโปร์ก็มีรถบัสโดยสารสาธารณะไว้คอบบริการ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าเป็นรถเมล์ขึ้นง่าย สะดวก สะอาดปลอดภัย และสำหรับใครที่ต้องการความสบายในการเดินทางก็สามารถเรียกใช้บริการแท็กซี่ได้ แอบบอกว่าถ้าเป็นช่วงเร่งด่วนแท็กซี่ก็ปฏิเสธผู้โดยสารเหมือนบ้านเราอยู่นะ
เที่ยวสิงคโปร์ช่วงไหนดี
ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะเป็นประเทศที่มีเพียง 2 ฤดูเท่านั้น คือฤดูร้อนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – ตุลาคม และฤดูฝนในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคม แต่ถึงแม้จะเป็นฤดูร้อนก็จะยังสามารถพบเจอกับฝนตกได้บ้าง เพราะฉะนั้นถ้าใครจะไปเที่ยวอย่าลืมพกร่มเล็กๆ ติดกระเป๋าไว้ด้วยนะคะ แต่สิงคโปร์ก็มีช่วงเดือนที่ฝนตกน้อยที่สุดอยู่เหมือนกันนะคะ คือ เดือนมิถุนายน – กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะกับข้อมูลที่ Vacation On นำมาฝากทุกคน เป็นเรื่องจำเป็นที่เราทุกคนต้องเตรียมตัว ก่อนไปเที่ยวสิงคโปร์ มีเรื่องให้เราต้องเตรียมตัวอยู่เยอะพอสมควรเลยนะคะ และเรื่องเล็กๆ อย่างเรื่องปลั๊กไฟสิงคโปร์ ก็เป็นเรื่องที่ไม่อยากให้ทุกคนมองข้ามไป ไม่งั้นถ้าไปถึงแล้วปลั๊กไฟเสียบไม่ได้ หรือปลั๊กไฟไม่พอแล้วแบตกล้องหมดขึ้นมา เราก็คงไม่มีรูปสวยๆ อัพลงโซเชียลแน่ๆ